MGR Online – ตำรวจ ปส.ฝากขัง”สุบรรณ มหาชนนท์” อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย ขนยาไอซ์หนักเกือบ 1 ตัน มูลค่าร่วม 2 พันล้าน ซุกตู้คอนเทนเนอร์ เตรียมส่งไปฟิลิปปินส์ ไร้ญาติมาประกันตัว ถูกส่งเข้าเรือนจำ ขณะจำเลยร่วมชาวจีนยื่น 2 ล้านขอประกัน แต่ศาลไม่อนุญาต เหตุเป็นคดีร้ายแรงเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ เผยความแตกเพราะของหล่นขณะเปลี่ยนตู้สินค้า สายลับซ้อนแผนจับกุมคาลานฝากตู้คอนเทนเนอร์ศรีราชา
วันนี้ (26 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ได้ควบคุมตัว นาย ฮวง เกาเชียง อายุ 24 ปีเป็นชาวจีน ,นายสุบรรณ มหาชนนท์ อายุ 57 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 50 พรรคเสรีรวมไทย,นายจ้อยว่า แซ่โท้ง อายุ 62 ปี นายโชว ชิงชู่ อายุ 44 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาคดียาเสพติดมายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่18-29 มิ.ย.นี้ ในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.มีกลุ่มคนรับจ้างขนสินค้าให้คนจีนจากประเทศไทยส่งไปประเทศฟิลิปปินส์ แต่ไม่สามารถส่งขึ้นเรือเพื่อส่งออกต่างประเทศได้ จึงได้ขนถ่ายสินค้าเปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์ใหม่ เพื่อที่จะจองเที่ยวเรือใหม่ ในขณะที่เคลื่อนย้ายสินค้าปรากฏว่าได้ทำกล่องสินค้าตกและมีสินค้าหลุดออกมาจากกล่องพบว่าสินค้าดังกล่าวเป็นถุงสีทองลักษณะไม่ตรงกับสินค้าที่แจ้งไว้ว่าเป็นรองเท้าซึ่งสินค้าดังกล่าวมีลักษณะขายยาเสพติดเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบสินค้าเบื้องต้นพบว่าเป็นยาไอซ์ปะปนมากับสินค้าประเภทรองเท้าประมาณ 34 กล่อง น้ำหนักประมาณ 985 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้ทำการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าวและขออนุมัติครอบครองเพื่อขยายผลจับกุมผู้กระทำความผิดเครือข่าย เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนสืบสวนจับกุมโดยให้สายลับติดต่อเจ้าของสินค้าและยาเสพติดโดยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปอำพรางร่วมพูดคุยกับเจ้าของสินค้าซึ่งสายลับได้แจ้งเจ้าของโกดังสินค้าให้ติดต่อเจ้าของสินค้าชาวจีนมารับสินค้าคืน จากนั้นเจ้าของโกดังได้แจ้งกับสายลับว่าเจ้าของสินค้าจะเดินทางจากประเทศจีนมาประเทศไทยในวันที่ 14 มิ.ย.2562
กระทั่งเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ได้รับแจ้งจากสายลับว่าได้นัดเจรจาเรื่องการย้ายสินค้าออกจากโกดังกับนายสุบรรณ มหาชนนท์,นายจ้อย เเซ่โท้ง และชายชาวจีนเจ้าของสินค้าที่โรงแรมดิเอ็มเมอรัล รัชดาฯ ในเวลาประมาณ 20.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ได้วางกำลังรอบโรงแรมจนกระทั่งเวลา 20.15 น. นายสุบรรณได้ขับรถยนต์เข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของโรงแรมและมีนายจ้อยว่า นั่งรถมาด้วยจากนั้นทั้งสองคนได้เดินเข้าไปพบกับสายลับและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อำพรางมาในร้านอาหารภายในโรงแรม ต่อมานายจ้อยว่า ซึ่งทำหน้าที่ล่ามได้เดินออกไปพบกับชายชาวจีนที่ด้านหน้าโรงแรม มีการเจรจาพูดคุยกันจากนั้นนายจ้อยว่า ได้เดินทางกลับมายังร้านอาหารที่นายสุบรรณและสายลับนั่งคอยอยู่และมีการพูดคุยกันเรื่องย้ายสินค้าออกจากโกดังซึ่งชายชาวจีนนายสุบรรณและนายจ้อยว่า ตกลงรับปากว่าจะดำเนินการรับสินค้าคืนในวันที่ 15 มิ.ย.จากนั้นได้แยกย้ายกันกลับ
ต่อมาช่วงเวลา 15.50 น. ของวันที่ 15 มิ.ย.นายจ้อยว่า เเละนายสุบรรณได้ขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ ของห้างฮาเบอร์มอลล์ อำเภอแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ก่อนที่จะไปสมทบกับชาวจีนและมุ่งไปที่รับฝากตู้คอนเทนเนอร์เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนจึงได้สะกดรอยตาม ไปที่ลานรับฝากตู้คอนเทนเนอร์บริษัท ชิปทูยู ดอทคอม ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และเมื่อได้มีการเปิดตู้สินค้าเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นและพบยาเสพติดของกลางจำนวนมากบรรจุอยู่ในกล่องจึงจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 3 ว่าร่วมกันมียาเสพติดประเภท1(ไอซ์)ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้การปฏิเสธและไม่ทราบว่าสินค้าเป็นยาเสพติด
โดยชาวจีนคนดังกล่าวซึ่งทราบชื่อภายหลังว่านายหวง เกาเซียง ให้การกับเจ้าหน้าที่สืบสวนว่าสินค้าดังกล่าวเป็นของตนเองและนายโชว ชิงซู่ ผู้ต้องหาที่ 4 ซึ่งตอนนี้พักอยู่ที่อาคารชุดย่านรัชดาภิเษกเจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปควบคุมตัวซึ่งจากการตรวจสอบห้องพักไม่พบสิ่งผิดกฏหมายโดยนายโชว ให้การยอมรับว่ารู้จักกับนายหวงและได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยด้วยกันส่วนเรื่องยาเสพติดที่ถูกจับกลุ่มจำนวนดังกล่าวเป็นของผู้ใดตนไม่ทราบเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหานายโชวฐานร่วมมียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 1-3 ที่บริเวณลานรับฝากตู้คอนเทนเนอร์บริษัท ชิปทูยู ดอทคอม ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และผู้ต้องหาที่ 4 ได้ที่ห้องพักอาคารชุดไลฟ์ รัชดาภิเษก เขตห้วยขวางกรุงเทพฯ
สำหรับของกลางที่ยึดได้มีดังนี้
1.ยาไอซ์บรรจุในถุงชาสีทองตราจักรพรรดิทำเป็นแพ็คๆ ละ 15 ถุงจำนวน 2 แพ็ครวม 30 ถุงน้ำหนักประมาณถุงละ 1 กิโลกรัมบรรจุในถุงพลาสติกใสห่อด้วยกระสอบอีกชั้นหนึ่งอยู่ในกล่องกระดาษสีขาว มีอักษรเขียนภาษาไทยว่า “ตะเกียบอนามัย”น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัมจำนวน 31 กล่องรวมของกลางจำนวน 930ถุงน้ำหนักรวมประมาณ 330 กิโลกรัม
2.ยาไอซ์บรรจุในถุงชาสีทองตราจักรพรรดิทำเป็นแพ็คๆ ละ 10 ถุงจำนวน 2 แพ็ครวม 20 ถุงน้ำหนักประมาณถุงละ 1 กิโลกรัมบรรจุในถุงพลาสติกใสห่อด้วยกระสอบอีกชั้นหนึ่งอยู่ในกล่องกระดาษสีขาวมีอักษรเขียนด้วยภาษาไทยว่า ”ตะเกียบอนามัย” น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัมจำนวน 2 กล่องรวมของกลางจำนวน 40 ถุงน้ำหนักรวมประมาณ 40 กิโลกรัม
3.ยาไอซ์บรรจุในถุงชาสีทองตราจักรพรรดิจำนวนหนึ่งแพคมียาไอซ์จำนวน 15 ถุงน้ำหนักประมาณถุงละ 1 กิโลกรัม บรรจุถุงพลาสติกใสห่อด้วยกระสอบอีกชั้น อยู่ในของกระดาษสีขาวมีอักษรเขียนว่า ”ตะเกียบอนามัย” จำนวนหนึ่งกล่องรวมของกลางจำนวน 15 ถุงน้ำหนักรวมประมาณ 15 กิโลกรัม
รวมยาไอซ์ของกลางทั้งหมดจำนวน 985 ก้อนน้ำหนักรวมประมาณ 985 กิโลกรัมราคาประมาณ 1,970,000,000 บาทเเละของกลางโทรศัพท์มือถือนับ 10 เครื่อง พร้อมตู้คอนเทนเนอร์สีส้มจำนวนหนึ่งตู้
ท้ายคำร้องยังระบุว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 ถูกควบคุมตัวจะครบกำหนด 48 ชั่วโมงในวันที่ 19 มิ.ย.แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องสอบสวนพยานอีก 7 ปาก,รอผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดของกลางจากสำนักงาน ปปส.,รอผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญกรรมและรอผลการตรวจสอบรายการใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องหาทั้ง 4 จากบริษัทผู้ให้บริการจึงขออนุญาตนำตัวผู้ต้องหามายื่นคำร้องฝากขัง และขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวเนื่องจากเป็นขบวนการยาเสพติดรายใหญ่ มีการทำธุรกรรมทางการเงินในคดีนี้และคดีมีอัตตราโทษสูงหากได้รับการปล่อยตัวเกรงว่าจะหลบหนี โดยศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
ทั้งนี้ญาติของนายจ้อยว่า ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 2 ล้านบาทขอปล่อยตัวชั่วคราว
ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง มีลักษณะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน เกรงว่าหากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาอื่นๆ อีก 3 คนไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางแล้ว