วันนี้ (5 ก.ค.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายมงคล สาริสุต ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช.ภาค 3 และรักษาการผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงการตรวจสอบโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ว่า ป.ป.ช.ไม่นิ่งนอนใจในการตรวจสอบโครงการอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา โดยที่ผ่านมาได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจโครงการอาหารกลางวันสถานศึกษาทั้ง 32 อำเภอ ของ จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณจัดซื้ออาหารกลางวันของนักเรียนเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ จากการออกสุ่มตรวจพบว่ามีโรงเรียน 4 แห่งใน จ.นครราชสีมา ทั้งที่เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ชื่อดังและขนาดเล็กที่พบว่ามีการทุจริตโครงการอาหารกลางวันเด็ก ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการไต่สวนของคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จและชี้มูลความผิดต่อไป คาดว่าใช้เวลาประมาณ 6 เดือน โดยรูปแบบที่พบส่วนใหญ่เป็นการจัดซื้ออาหารไม่ครบตามจำนวนเงิน เช่น เบิกงบประมาณซื้ออาหาร 10,000 บาท แต่ซื้อมาไม่ถึง อาจจะซื้อเพียงครึ่งเดียวแค่ 5,000-6,000 บาท เป็นต้น ทำให้มีส่วนต่างเกิดขึ้น ซึ่งผู้บริหารโรงเรียนหลายแห่งตอบไม่ได้ว่าเงินส่วนต่างหายไปไหน บางแห่งอ้างว่าเอาไว้ใช้ในกิจการโรงเรียน ซึ่งมันตอบแบบนี้ไม่ได้เพราะถือเป็นการทุจริต เป็นการกระทำทุจริตแล้วจะเอาไปใช้อย่างอื่นไม่ได้เลย มันคือการทำลายหลักฐานเท็จ อันนั้นเป็นเหตุบรรเทาโทษหรือไม่ตนไม่ทราบ เช่น เอาเด็กไปแข่งขันกีฬา ความจริงไม่เกี่ยวกันเลย
“นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาของไทยได้รับการจัดสรรให้หัวละ 20 บาท ผมเคยไปดูงานในเรือนจำ เขาได้รับค่าอาหารกลางวันสำหรับนักโทษ 1 คน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่วันละ 49 บาท เป็นอาหาร 3 มื้อ กับข้าว 2 อย่าง พร้อมของหวานด้วย เขาอยู่ได้ แต่เด็กเราได้ตั้ง 20 บาท ทำไมได้กินอาหารไม่ดีหรือไม่ครบ ผมดูแล้วผมใส่ใจ แต่การตรวจก็ต้องสุ่มดู เพราะโคราชมีโรงเรียนเยอะมากกว่า 1,000 แห่ง การทำงานก็ต้องค่อยๆ ทำ หรือหากประชาชนมีข้อมูลแจ้งเข้ามาเราจะไปสุ่มตรวจให้ทันที” นายมงคลกล่าว
นายมงคลกล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่า ป.ป.ช.ทำงานช้าไปนิดหน่อย เนื่องจากเจ้าหน้าที่น้อยแต่ขอให้ไว้วางใจได้ว่าไม่ต้องกังวล แม้การดำเนินการไม่เสร็จภายใน 2 ปี ซึ่งบางคนเกรงว่าจะขาดอายุความนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเรื่องที่เรามีข้อมูลหรือพบการกระทำผิดเหล่านี้สามารถดำเนินการต่อไปได้ ไม่มีหมดอายุความ
ส่วนกรณีทางโรงเรียนมีการจัดซื้อจัดจ้างผูกขาดเอื้อประโยชน์ให้แก่ร้านค้ารายเดียวนั้น นายมงคลกล่าวว่า กฎหมายเปิดช่องให้ว่า หากการจัดซื้อไม่เกิน 500,000 บาท สามารถเจาะจงซื้อได้ แต่สิ่งสำคัญคือได้ครบหรือไม่ ของมีคุณภาพหรือไม่ อันนี้ตรวจสอบกันไม่ยาก โดยกรณีเช่นนี้ นางปิยะฉัตร อินสว่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ที่ดูแลรับผิดชอบงานด้านนี้ เคยออกไปสุ่มตรวจโรงเรียนระดับประถมศึกษาขนาดใหญ่ชื่อดังในตัวเมืองโคราชแล้ว “ผมก็เจออยู่” ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนเกือบ 5,000 คน งบประมาณในการจัดซื้ออาหารกลางวันหัวละ 20 บาท ตกวันละเกือบ 100,000 บาท หากคิดเป็นเดือนเดือนละกว่า 2 ล้านบาท อาหารที่จัดให้นักเรียนก็ควรอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและต้องซื้อให้ครบถ้วนตามงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมา และมีอีกบางโรงเรียนไปสุ่มตรวจก็เจอ ซึ่งหากตรวจพบเราจะได้เข้าไปดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต่อไป
